Pacharakrit Property เผยแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2567 รุกธุรกิจลิสซิ่ง – พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย เชื่อธุรกิจสินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่อง

Pacharakrit Property เผยแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2567 รุกธุรกิจลิสซิ่ง – พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย เชื่อธุรกิจสินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่อง

Pacharakrit Property เผยแผนธุรกิจครึ่งหลังปี 2567 รุกธุรกิจลิสซิ่ง – พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขยายฐานลูกค้าครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย เชื่อธุรกิจสินเชื่อยังเติบโตต่อเนื่อง

…พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมต่อยอดความสำเร็จ ในฐานะที่ปรึกษาด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ล่าสุด จับมือบริษัทลิสซิ่งรายใหญ่ เปิดตัวบริการแหล่งเงินทุน ขยายการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ -เครื่องจักร เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้ประกอบการ..

พชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2567 เป็นต้นมา จนปัจจุบัน ธุรกิจการให้บริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการ และ นักลงทุนแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องกัน ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “วันนี้ บริษัท พชรกฤษฎิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของเรา เตรียมประกาศการจับมือครั้งสำคัญกับ บริษัทธุรกิจลิสซิ่งรายใหญ่ ก่อตั้งแบรนด์ธุรกิจใหม่ ขึ้นมา ภายใต้ชื่อ บริษัท เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (S.P.PROPERTY HOLDING) และ บริษัท เอส.พี.ลิสซิ่ง แอนด์ การันตี กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (S.P.LEASING & GUARANTEE GROUP HOLDING) เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนด้วยการนำหลักทรัพย์ อย่าง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ หรือ รถยนต์หรูพรีเมี่ยม มายื่นขอรับสินเชื่อ เพื่อนำเงินทุนไปใช้เป็นทุนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึง ยังถือเป็นการเจาะกลุ่มตลาดใหม่ให้กับบริษัทอีกด้วย”

สำหรับเหตุผลของความร่วมมือในครั้งนี้ ซีอีโอ กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการสินเชื่อใหม่ให้แก่ทั้ง 2 กลุ่ม เนื่องจากเรามองเห็นทั้ง 2 กลุ่ม เป็นตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อยู่ เพียงแต่ต้องการเงินทุนในการหมุนเวียนให้กับธุรกิจของตนเอง โดยแผนการดำเนินงานของเรานั้น จะพิจารณาการให้สินเชื่อให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินเชื่อรับฝาก และจำนอง เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกในการหาแหล่งเงินทุนมาใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ ที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของการผลิตเดิมที่ไม่สามารถใช้เครื่องจักรเก่าที่มีอยู่ไปผลิตได้ ซึ่งเราได้ระดมทุนจากนักลงทุนที่สนใจในการส่งมอบสินเชื่อในแก่ทั้ง 2 ตลาด ที่วันนี้มีแนวโน้มที่ปิดตัวลงมากเนื่องจากภาวะของภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตน้อยไปจนถึงไม่เติบโตเลยตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดของภาคอุตสาหกรรมที่ถือเป็นแหล่งของการจ้างงาน”

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ ไม่เกิดการจ้างงาน เกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือน (GDP) ตามมา “ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในวันข้างหน้า หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ก็จะกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่อาจจะปะทุขึ้น จนกระทบต่อเสถียรภาพต่อระบบการเงินของประเทศในอนาคต เราจึงตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่าน้น”

ซีอีโอ บอกด้วยว่า ในส่วนของสินเชื่อรถยนต์นั้น ไม่ใช่แค่การให้สินเชื่อสำหรับ รถยนต์ซูเปอร์คาร์ หรือ รถยนต์หรูพรีเมี่ยม เพียงเพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพเท่านั้น “แต่เรายังเล็งเห็นว่าตลาดนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับตลาดของภาคภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน เพราะในผู้ประกอบการไทยที่เดิมเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน หรืออะไหล่รถยนต์ให้กับรถยนต์สันดาปเดิม ปัจจุบันก็ประสบปัญหาอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้เราต้องการเข้าไปช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งเมื่อผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวได้ ซึ่งเราเองไม่เพียงจะได้กำไรจากวงเงินสินเชื่อที่ให้ไป ก็ยังถือเป็นการช่วยเหลือให้วงจรของปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เกิดขึ้นลดลงอีกด้วยเช่นกัน ส่วนการจะอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์นั้น เราจำเป็นต้องให้ผู้ประกอบการ นำสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของเขามายื่นกู้ ซึ่งในที่นี้ก็คือเครื่องจักรนั้นเอง เพราะเครื่องจักรเหล่านั้นมีมูลค่ามหาศาล ต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการให้อยู่รอด”

ซีอีโอ เน้นย้ำด้วยว่า เครื่องจักรที่นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะนำเครื่องจักรเหล่านั้น ไปขายทำกำไรแต่อย่างไร “เพราะนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของเรา ดังนั้น นอกเหนือไปจากการส่งมอบโอกาสในการให้ผู้ประกอบการในภาคอุคสาหกรรมเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ไม่ใช่ธนาคาร อย่าง พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ เราก็มีแผนในการเข้าไปให้คำปรึกษา เหมือนกับที่เราดำเนินงานในกลุ่มของแหล่งเงินทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นธุรกิจแรกเริ่มของเรา”

“ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถหลุดพ้นจากสภาพที่แหล่งเงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ และเติบโตได้อย่างมั่นคง เพราะในความเป็นจริงแล้วกลุ่มนี้ยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติอยู่ เช่น นักลงทุนจากจีน ที่ปัจจุบันให้ควาสนใจในการเข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งหากผู้ประกอบการเดิมสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้ไปสามารถผลิตอะไหล่ที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าแทนอะไหล่รถยนต์สันดาปเดิมได้ก็จะสามารถอยู่รอดได้ โดยหากมองในเงื่อนไขที่ทางภาครัฐกำหนดให้ว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ที่เข้ามาทำตลาดในไทยจะต้องให้ผู้ประกอบการไทยมีส่วนในการผลิตชิ้นส่วนด้วย ซึ่งตรงจุดนี้เราถึงมองว่าตลาดนี้ยังมีโอกาสอยู่ เพียงแต่ผู้ประกอบการต้องมีแหล่งเงินทุนมาปรับเปลี่ยน ซึ่งไม่สามารถหาได้จากธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบัน”

สำหรับในส่วนของธุรกิจสินเชื่อด้านอสังหาฯ ซีอีโอ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ยอมรับว่า ยังคงเติบโตต่อเนื่อง “ยังมีความต้องการเข้าถึงสินเชื่อ จากทั้งกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม โดยแนวโน้มการการเติบโตของธุรกิจสินเชื่ออสังหาฯ ของเราปัจจุบันโตกว่า 60-70%”
ซีอีโอ อธิบายด้วยว่า 60% ของผู้ประกอบการที่เข้ามายื่นขอสินเชื่อ จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ขณะที่กลุ่มบุคคลทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 40% ซึ่งเมื่อรวมกับบริการสินเชื่อใหม่ ทั้ง 2 บริการ เชื่อว่าจะสามารถโตขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อจบปี 67 โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้เสียปัจจุบันอยู่ที่ 10% โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มบุคคลทั่วไป”
อีกหนึ่งธุรกิจ ที่ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ กำลังเตรียมพร้อมดำเนินงาน คือ การเดินหน้าพัฒนาที่ดิน “พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ของเราเตรียมร่วมกับนักลงทุน ในการพัฒนาที่ดินบนภูเขาเนื้อที่กว่า 86 ไร่ ใจกลางเมืองจังหวัดเชียงราย
ให้เป็นอาคารที่พักพูลวิลล่า (Pool Villa) ซึ่งเบื้องต้น ตามแผนที่เราวาดไว้ จะเป็นโครงการ ที่มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 85 ยูนิต และมี “คอมมูนิตี้มอลล์” (Community Mall) หรือ ศูนย์การค้าชุมชน ที่มีร้านค้า ร้านอาหารเครื่องดื่ม รวมถึงบริการที่เกี่ยวเนื่องกับ Wellness หรือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งร่างกาย และจิตใจ แบบครบจบในที่เดียว โดยส่วนนี้ เราเตรียมงบประมาณ เบื้องต้นไว้ที่ 2,892 ล้านบาท เพื่อดำเนินการสร้าง ซึ่งการบริหารงานในส่วนนี้ จะอยูภายใต้ บริษัท เอส.พี.ลิสซิ่ง แอนด์ การันตี กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ฯ ในเครือของเราเป็นผู้ดูแล โดยระยะเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จน่าจะอยู่ที่ 2-3 ปี โดยรูปแบบของการดำเนินงานจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส”

อย่างไรก็ดี วันนี้ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ เท่านั้น ซึ่ง ซีอีโอ ยอมรับว่า พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ ยังได้รับความไว้วางใจจากบริษัทธุรกิจการให้บริการ อย่าง กลุ่มโรงแรมที่พัก ให้ไปช่วยบริหาร และพัฒนาธุรกิจดังกล่าว ให้เกิดการเติบโต และมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งความร่วมมือ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ผมเชื่อมั่นว่า จะเป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาให้ธุรกิจของ พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และยังจะทำให้บริษัทฯ ของเรา ได้ให้บริการลูกค้าที่หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ที่จะช่วยสร้างความสำเร็จในภาคธุรกิจอย่างรอบด้านอย่างที่เราตั้งใจไว้ โดยเฉพาะ “การส่งมอบโอกาส” และ “ความสำเร็จ” ให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจที่จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าต่อไป” พชรกฤษฏิ์ กล่าว

———————————–