Glenfiddich Club และ Longines Watch Club Thailand ชวนทุกคนมาร่วมจิบค็อกเทล เคล้าเสียงเพลงแจ๊ส ในค่ำคืนสุดพิเศษส่งต่อแรงบันดาลใจ
เพื่อค้นหา “Your Single Best Quality”
Glenfiddich Club ร่วมมือกับ Longines Watch Club Thailand เปิดคลับที่จะพาบุคคลคุณภาพจากหลากหลายแวดวง มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแรงบันดาลใจไปด้วยกัน โดยมีวิสกี้ชั้นเยี่ยมจาก Glenfiddich มาช่วยเสริมบรรยากาศของความเป็น Single Best Quality ของแต่ละคน โดยในครั้งนี้ Glenfiddich ได้ชวนทุกคนมานั่งจิบค็อกเทล พร้อมฟังเพลงแจ๊ส ในค่ำคืนแห่งแรงบันดาลใจ เพื่อร่วมค้นหา “Your Single Best Quality” ไปด้วยกัน ณ Firefly Bar บาร์สุดหรูสไตล์ยุโรป ตั้งอยู่ในโรงแรม Sindhorn Kempinski โดยในครั้งนี้ได้ชวนเหล่า Watch Lover จาก Longines Watch Club Thailand มาร่วมพูดคุยเพื่อแชร์ Single Best Quality ในแบบของตนเอง และแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจให้กัน ผ่าน 3 เมนูค็อกเทลสุดพิเศษจาก Glenfiddich ที่รังสรรค์ขึ้นผ่านหนึ่งใน Collection นาฬิกาของ Longines ที่เป็นที่รู้จักและสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ไปทั่วโลกอย่าง Longines Master Collection เพื่อแขกในค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ
ความพิเศษของงานในค่ำคืนนี้นอกจากแขกคนพิเศษจะได้ร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจ ผ่านวิสกี้ชั้นเยี่ยมจาก Glenfiddich แล้ว ยังได้พบกับ Sneak Preview เป็นที่แรกกับ Longines Flagship Heritage Collection นาฬิกาเวอร์ชั่นใหม่ในสีฮาวานา เบจ, แอนทราไซต์ และ เขียว โดยยังมี คุณธภัทร กุลสิรินันท์ – Brand Manager, Longines ได้ร่วมแชร์ “Single Best Quality” ของ Longines ซึ่งสามารถเห็นได้ผ่านสโลแกนของแบรนด์ “Elegance is an attitude” สื่อให้เห็นถึงความตั้งใจของแบรนด์ Longines ที่ต้องการสร้างสรรค์นาฬิกาที่ให้ความแม่นยำ แต่ยังคงความหรูหราและสมบูรณ์แบบ ทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญและความสง่างามเหนือกาลเวลามายาวนานกว่า 190 ปี ซึ่งความสวยงามและความสมบูรณ์แบบในค่ำคืนนี้ ได้ถูกตอกย้ำให้พิเศษยิ่งขึ้น ด้วยเมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษและ Single Best Quality จาก Glenfiddich 12, 15 และ 18 ปีที่ได้รับการรังสรรค์ออกมาเป็น 3 เมนูค็อกเทลที่เต็มเปี่ยมด้วยความหมายจากเรื่องราวของ Longines
เมนูสุดพิเศษแก้วแรกในชื่อ Moon Phase ได้รับแรงบันดาลใจจากหน้าปัดแสดงระยะดวงจันทร์อันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา Longines สะท้อนออกมาด้วยของรสชาติที่ประสานกันอย่างลงตัวในเมนูแก้วนี้ผ่าน Glenfiddich 12 Year Old โดยมีโทนสีฟ้าของน้ำโซดาและกลิ่นหอมสดชื่นของตะไคร้และใบมินต์ สะท้อนถึงความสง่างาม ในขณะที่ส้มโอและเลมอนเพิ่มความสดใสและความมีชีวิตชีวาเช่นเดียวกับหน้าปัดระยะดวงจันทร์ที่เพิ่มความพิเศษให้กับนาฬิกา Longines เมนูแก้วที่สอง Banana Gold Rush นำเสนอการผสมผสานระหว่างวัสดุเหล็กและทองคำเหลืองของ Longines Master Collection โดยใช้สีทองเข้มของกล้วยเป็นตัวแทนของความหรูหรา ในขณะที่สตรอว์เบอร์รีและเซจเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ โดยมี Glenfiddich 15 ปีที่ให้รสชาติอบอุ่นนุ่มนวล ซึ่งสะท้อนถึงความหรูหราและความลึกซึ้งขององค์ประกอบสีทองใน Master Collection และเมนูแก้วสุดท้าย สะท้อนงานฝีมือที่ประณีตของ Longines Master Collection จึงได้ชื่อว่า The Master Collections ด้วยรสชาติลึกซึ้งซับซ้อนของ Glenfiddich 18 ปี ที่ผสมผสานกับแอ็บซินธ์และความเข้มข้นของโกโก้ สร้างสรรค์ค็อกเทลที่สะท้อนถึงความหรูหรา ประเพณี และเสน่ห์ที่ยืนยงของการผลิตนาฬิกาชั้นสูงนี้
Glenfiddich Club ยังคงมุ่งหน้าต่อไปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมนำเสนอวิสกี้ชั้นเยี่ยม กับบุคคลคุณภาพที่จะมาร่วมค้นหา “Your Single Best Quality” ไปด้วยกัน ติดตามเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ช่วงเวลาคุณภาพและสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษไปด้วยกันกับ Glenfiddich ที่จะกลับมาส่งต่อแรงบันดาลใจ ให้กับทุกท่านต่อไปในปีหน้า ได้ที่ Glenfiddich Club