วันที่ 17 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ลงนามความร่วมมือกับนาโนเต้ ในเครือพีซี ทูน่า ต่อยอดของเหลือในกระบวนการผลิตทูน่ากระป๋อง/ปลากระป๋องสู่สารเสริมอาหารไก่ไข่ สู่การผลิต “ไข่เสริม (Fortified eggs) ที่มีโอเมก้า 3 สูง ปูทางรับเทรนด์อาหารอนาคต เตรียมขยายผลภาคสนามใน 3 พื้นที่ ได้แก่ สมุทรปราการ สมุทรสาคร และฉะเชิงเทรา หวังยกระดับคุณภาพทั้งผู้บริโภค เกษตรกร และอุตสาหกรรมพร้อมกัน
ดร.ภญ. อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า นาโนเทค สวทช. มีกลยุทธ์วิจัยเพื่อชาติ ด้วยการสร้างนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์จริง เดินหน้าตามแนวคิด Innovate, Collaborate and Grow ที่จะให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัย คือ นวัตกรรม, ความร่วมมือกับพันธมิตร และการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า 4 Strategic Focus (SF) หรือกลไกการผลักดันเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน (improve quality of life) ได้แก่ สารสกัดสมุนไพร, ชุดตรวจสุขภาวะ, น้ำและสิ่งแวดล้อม และ เกษตรและอาหาร
“ภาคเกษตรและอาหารของประเทศไทยถือเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจฐานรากและความมั่นคงทางอาหารของชาติ แต่ปัจจุบันกลับเผชิญความท้าทายรอบด้าน นาโนเทคจึงได้กำหนดแผนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนาโน เพื่อยกระดับระบบการผลิตทางการเกษตรและอาหารของประเทศให้มีความยั่งยืน ปลอดภัย และแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยนำองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีการห่อหุ้มและกักเก็บระดับนาโนเพื่อการพัฒนาอาหารฟังก์ชันตอบโจทย์การเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เมื่อทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม นำสู่ประชาชนที่สุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในขณะเดียวกัน ประเทศก็มีความมั่นคงทางอาหารอีกด้วย” ผู้อำนวยการนาโนเทค สวทช. ชี้
นอกจากการเชื่อมโยงโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ทั้งภาคอุตสาหกรรม ชุมชน ประชาชนแล้ว นาโนเทคยังทำงานสอดรับกับนโยบายรัฐบาลทั้งในแง่ของนโยบายเร่งด่วนด้านของการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยขนาดกลางและขยาดย่อม (SMEs) และการเพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตรและราคาพืชผลเกษตร ยกระดับรายได้เกษตรกร และนโยบายของภาครัฐในระยะกลาง-ยาว ในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ การส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และการมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพ และบริการทางการแพทย์ และเดินหน้าคู่ขนานกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการยกระดับการบริหารจัดการน้ำ และสานต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอีกด้วย
นายพรชัย ปานศรีแก้ว ผู้ก่อตั้ง และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีซี ทููน่า จำกัด กล่าวว่า พีซีทูน่า มีโรงงานผลิตและส่งออกปลาทูน่า แซลมอน และซาร์ดีนมากว่า 20 ปี ทั้งในรูปแบบอาหารคนและอาหารสัตว์ ถือเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านปลาทะเลของไทย และในวันนี้เราต้องการต่อยอดองค์ความรู้และความชำนาญเหล่านี้ไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ โครงการนี้จึงเกิดขึ้นจากการร่วมมือกับ บริษัท นาโนเต้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือพีซี ทูน่าที่ลงทุนในงานวิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับนักวิจัยจากนาโนเทค โดยมีแนวคิดว่า น้ำมันปลาและสารอาหารจากทะเลสามารถพัฒนาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสร้างคุณค่าเพิ่ม และมีประโยชน์ต่อสุขภาพผู้บริโภคอย่างแท้จริง
“เราทำงานร่วมกับนาโนเทค สวทช. มาก่อน โดยก่อนหน้านั้น เราประสบความสำเร็จในการทำให้น้ำมันปลากินง่ายขึ้น ดูดซึมได้ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีนาโน ลดปัญหากลืนยากหรือเหม็นคาว จึงได้คุยกับนักวิจัยนาโนเทคว่า หากใช้แนวคิดเดียวกันนี้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ โดยเฉพาะไก่ไข่ จะเป็นประโยชน์มาก เพราะคนไทยบริโภคไข่เฉลี่ย ประมาณ 250–300 ฟองต่อคนต่อปี หรือเกือบวันละฟอง หากเราทำให้ไข่ที่กินประจำทุกวันอุดมด้วยโอเมก้า 3 ได้ เท่ากับคนไทยได้รับสารอาหารที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องหาซื้ออาหารเสริมเพิ่ม” กรรมการผู้จัดการพีซี ทูน่ากล่าว
นายพรชัยย้ำว่า สิ่งที่พีซี ทูน่า โดยบริษัทในเครืออย่างนาโนเต้กำลังทำ เป็นการ ‘เพิ่มมูลค่า’ และ ‘ยกระดับ’ ความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ในธุรกิจประมงและอาหารทะเลไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ นอกจากบริษัทจะได้สร้างโอกาสทางธุรกิจและเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์สุขภาพแล้ว เกษตรกรฟาร์มไก่ก็ได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน ด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้เลยอย่างอาหารสัตว์ผสานน้ำมันนาโนที่สามารถทำให้ไก่ออกไข่ที่มีโอเมก้า 3 ได้ทันที เกษตรกรจึงสามารถขายไข่ไก่โอเมก้า 3 ในราคาที่สูงกว่าไข่ปกติ เพิ่มรายได้และกำไรอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับคุณภาพทั้งผู้บริโภค เกษตรกร และอุตสาหกรรมไปพร้อมกัน
“สิ่งนี้เป็นเพียงก้าวแรก เรายังมีแผนต่อยอดทำงานวิจัยร่วมกับบริษัท นาโนเต้ จำกัด และนักวิจัยจากนาโนเทคต่อไป ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และอาหารสัตว์ประเภทอื่น ๆ รวมถึงการนำวัตถุดิบจากทะเลที่เรามีอยู่มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ทุกส่วนของปลาทะเลที่ผ่านกระบวนการของเรามีคุณค่ามากที่สุด”
ดร. กิตติวุฒิ เกษมวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการห่อหุ้มระดับนาโนและระบบนำส่งทาง (NCBS) นาโนเทค สวทช. กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปไข่ไก่ สามารถสร้างความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ เพื่อรองรับผลผลิตไข่ไก่ระดับอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการตลาด ตลาด “ไข่เสริม” หรือ “Fortified eggs” ซึ่งถือเป็น “อาหารอนาคต (Future food)” ในกลุ่มอาหารฟังก์ชัน (Functional Food) ก็ถือได้ว่า ไข่เสริมที่มีการเพิ่มวิตามินหรือแร่ธาตุต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติเฉพาะที่ส่งผลดีต่อร่างกายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในตลาดโลก
Future Market Insights ระบุตลาดไข่เสริมทั่วโลกมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 383.6 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 นอกจากนี้ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมด้านบริการอาหารและการใช้ในครัวเรือน คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายไข่เสริมโดยรวมจะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ราว 8.5% ระหว่างปี 2566-2576 ซึ่งมีมูลค่ารวม 821.9 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2576 ตอบโจทย์แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปัจจุบันมุ่งเน้นเรื่องของการดูแลสุขภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และสัตว์ รวมทั้งความต้องการจากสังคมผู้สูงอายุ
จากแนวโน้มและความต้องการดังกล่าว ทีมวิจัยนาโนเทคได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “NANO-FortiEgg” หรือ OMEGA-enriched eggs ไข่ไก่โอเมก้า ที่ผลิตขึ้นโดยการเสริมอาหารของแม่ไก่ไข่ให้มีแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ น้ำมันปลาทูน่าและแซลมอนที่สกัดจากของเหลือในกระบวนการผลิตทูน่ากระป๋อง/ปลากระป๋อง โดยใช้นาโนเทคโนโลยีเป็นเครืองมือในการนำส่งสารสำคัญสู่ระบบทางเดินอาหารของแม่ไก่และส่งเสริมให้มีการสะสมกรดไขมันโอเมก้า-3 ในไข่ไก่ ด้วยตัวพาไขมันที่มีโครงสร้างระดับนาโน (Nanostructured Lipid Carriers หรือ NLC) โดยไข่ไก่ 1 ฟอง จะมีปริมาณโอเมก้า-3 สูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า สร้างโอกาสสำหรับไข่ไก่อนามัย คุณภาพสูง ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เสริมที่ดีต่อสุขภาพ ผ่านการควบคุมการผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเพื่อให้ได้ไข่ไก่ที่มีสารอาหารมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ขับเคลื่อนงานวิจัยของศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ภายใต้ SF เกษตรและอาหาร