ร้านนี้นั้นนำบ้านทรงไทยมาดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารที่สวยงามมากโดยเฉพาะในยามค่ำคืน แสงไฟจากทางร้านนั้นสาดส่องทำให้ตัวร้านยิ่งดูสวยงามเป็นสง่าสมกับความเป็นร้านอาหารไทยแบบพรีเมี่ยมมากๆจริงๆคะ บรรยากาศด้านในร้านนั้นตกแต่งแบบไทยโบราณสวยงามตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน ระหว่างทานนั้นก็มีเพลงไทยเดิมเปิดคลอเบาๆไปด้วย นับว่าเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากสำหรับร้านนี้ ด้านในร้านมีที่นั่งไม่เยอะมากเท่าไรคะ แนะนำว่าถ้าจะมาทานที่ร้านนี้ให้โทรมาจองโต๊ะก่อนเลยนะคะ เพราะว่าลูกค้าของทางร้านนั้นแน่นทุกวันโดยเฉพาะช่วงค่ำ
.
การบริการของพนักงานนั้นต้องบอกว่ายอดเยี่ยมไม่มีที่ติคะ แต่งกายสุภาพ บริการสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใสมากๆ ลูกค้าที่มาทานร้านนี้ทุกคนต้องแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย (แบบ casual เท่านั้น) กางเกงขาสั้นนั้นใส่ไม่ได้นะะ ลูกค้าส่วนใหญ่นั้นเป็นฝรั่งหรือไม่ก็ชาวต่างชาติ ลูกค้าคนไทยนี่แทบจะนับหัวได้เลยคะ พนักงานบริการได้รวดเร็ว อาหารทุกอย่างนั้นมาเสิร์ฟรวดเร็วเช่นกัน เราชอบที่พนักงานมาคอยถามตลอดว่าอาหารเป็นอย่างไรบ้าง เผ็ดไปหรือไม่ ทั้งๆที่การอธิบายว่าอาหารนั้นเผ็ดแค่ไหนนั้นมีเขียนอยู่ในเมนูอยู่แล้ว ถือว่ามาตรฐานเดียวกันกับร้านอาหารไทยในเมืองนอกเลยทีเดียวคะ
อาหารของทางร้านเป็นอาหารไทยโบราณที่มีการนำวัตถุดิบชั้นดีหลายๆอย่างมาผสมผสานกันออกมาอย่างลงตัวคะ อาหารของทางร้านนั้นถูกคิดค้นและปรุงขึ้นมาด้วยเชฟผู้มากประสบการณ์ ทำให้ทุกอย่างนั้นออกมาค่อนข้างลงตัวไปหมดซะทุกอย่าง อาหารไทยทางร้านนั้นมีให้เลือกหลากหลายเมนูมากไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด มาครบ อาหารแต่ละอย่างในเมนูนั้นมีบอกระดับของความเผ็ดไว้ชัดเจนคะ ใครทานเผ็ดได้มากได้น้อยก็เลือกได้ตามใจชอบคะ
รสชาติอาหารของทางร้านอย่างนึงที่ผมชอบเลยก็คือรสชาติของแต่ละเมนูนั้นมันอร่อยได้เองโดยไม่ต้องบอกเลยคะว่าขอรสชาติคนไทย หลายๆร้านที่เปิดมาเพื่อต่างชาตินั้นอาจจะต้องมีการย้ำแล้วย้ำอีกกับพนักงานว่าขอรสชาติคนไทย ไม่ฉะนั้นก็อาจจะได้อาหารที่รสชาติอ่อน แต่สำหรับร้านนี้แล้วไม่ต้องบอกอะไรเลย เพราะทุกเมนูที่ทางร้านนั้นทำออกมารสจัดจ้านถูกปากทั้งคนไทยและต่างชาติได้ในคราวเดียวกันเลยคะ
Royal thai set
เมนูเสน่ห์ไทย
อาหารเรียกน้ำย่อย
คั่วกลิ้งปลาอินทรีย์ , ม้าฮ่อไก่สับปะรด , ขนมครกคาเวียร์
อาหารว่าง ห่อหมกปูทอด ,แสร้งว่ากุ้งแชบ๊วยปลาดุกฟู
ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ , ทับทิมกรอบ , ขนมหม้อแกงถั่วพิตาชิโอ้อินทผลัม
เป็นร้านอาหารที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้ เปิดดำเนินการมาอย่างยาวนาน ภายใต้การดูแลของ เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ อาหารไทยชั้นเลิศ ด้วยมาตรฐานความเป็นเลิศในการรับประทานอาหาร ด้วยฝีมือการปรุงอาหารของเชฟที่มากด้วยประสบการณ์ จนได้เมนูที่เต็มไปด้วยความอร่อย ที่มีความหลากหลาย เต็มไปด้วยสีสันสดใสและจัดวางอย่างปราณีต
การสร้างสรรค์ที่สร้างแรงบันดาลใจ เมนูชิมเชฟ สัมผัสประสบการณ์ลิ้มลองเมนูอาหารของเรา กับอาหารไทยที่เลอค่า อย่างเต็มรูปแบบหรือเป็นเมนู “อาลาคาร์ต” ที่นำเสนอความสุขในอดีตผ่านอาหารโบราณและการสร้างแรงบันดาลใจของเชฟนูรอ!
ร้านบลู เอเลเฟ่นท์ กรุงเทพฯ